“ป้าน้องคิว” เตรียมฟ้อง!! เอาผิดคนกล่าวหาหลานว่า “ลวงโลก”
เป็นกระแสดราม่า ที่ดังสุดๆในตอนนี้ คือเรื่องของ นายอธิวัฒน์ วิทย์พิชิตชัย หรือ น้องคิว อายุ 18 ปี ที่ก่อนหน้านี้มีคนใจดี ยื่นมีเข้ามาช่วย กับชีวิตแสนลำบาก ที่สอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม อีกทั้ง แม่ซึ่งเป็นเสาหลักเสียชีวิตอย่างกะทันหันเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ส่วนพ่อแท้ๆ ทิ้งไปตั้งแต่น้องคิว 4 ขวบ ขณะที่พ่อเลี้ยงหลังแม่เสียชีวิตแล้วไม่ให้อยู่ร่วมบ้านด้วย จนน้องคิวต้องไปขออาศัยอยู่กับ นางจันทร์จิรา เกียรตินอก ผู้เป็นป้า ที่มีอาชีพขายข้าวแกงดูแล
แต่แล้วก็มีเฟซบุ๊กหนึ่ง โพสต์กล่าวหาว่าทั้งป้า และหลานหลอกลวงให้ผู้คนมาบริจาคเงินช่วยค่าเทอมทั้งที่ตัวเองไม่ได้ยากจนจริง ทั้งกล่าวหาว่าหลังจากได้เงินบริจาคแล้วก็นำไปเข้าร้านอาหาร ซื้อโทรศัพท์มือถือ และนาฬิการาคาแพง
ส่วนกรณีที่ผู้โพสต์กล่าวหาว่าไม่ได้ยากจนจริงแต่ไปโพสต์โซเชียลมีเดียขอความช่วยเหลือนั้น ชี้แจงว่าไม่เคยบอกว่าตนเองยากจนหรือร่ำรวยแต่มีอาชีพพอเลี้ยงตัวเองและลูกได้ เพียงแค่ช่วงนั้นน้องคิวซึ่งเป็นหลานที่มาขอที่พึ่งอาศัยหลังแม่เสียชีวิตมาบอกว่าสอบติด ม.เกษตรฯ แล้วทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่าให้จ่ายค่าเทอมงวดแรกเพื่อยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษา ซึ่งขณะนั้นไม่มีเงินก้อนที่จะไปจ่ายให้หลาน ส่วนตัวหลานก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรติดตัวมา
จึงโทร.ไปปรึกษาแฟนที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด แฟนเลยโพสต์เฟซบุ๊กโดยมีเนื้อหาว่าหากมีผู้ใจบุญให้ยืมเงินเพื่อนำไปเป็นค่าเทอมให้กับน้องคิวที่สอบติด ม.เกษตรฯ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม หากกู้เงิน กยศ.ได้จะผ่อนจ่ายคืนให้ แต่เมื่อโพสต์เรื่องราวแล้วก็มีสื่อมาทำข่าว และมีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยค่าเทอมและค่าเล่าเรียนให้แก่น้องคิวจำนวนมาก
สำหรับกรณีที่กล่าวหาว่าน้องคิวนำเงินที่ได้รับบริจาคไปเข้าร้านอาหาร ซื้อมือถือ และนาฬิการาคาแพงนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ปัจจุบันน้องมีเพียงรจักรยานยนต์ที่ยังติดไฟแนนซ์ มือถือ และนาฬิกาที่แม่ของน้องเป็นคนซื้อให้ก่อนเสียชีวิต แต่ทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่นน้องไม่มีอะไรติดตัวมา ไม่รู้ว่าคนที่โพสต์กล่าวหามีจุดประสงค์อะไร แต่การที่ทำแบบนี้ทำให้สังคมเข้าใจผิด จนตอนนี้ทั้งตนและน้องคิวเครียดมาก โดยเฉพาะน้องสภาพจิตใจย่ำแย่มากเพราะนอกจากจะสูญเสียแม่แล้วยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
นางจันทร์จิรายังยืนยันว่าข้อมูลทุกอย่างเป็นเรื่องจริงสามารถตรวจสอบได้ แต่ไม่ว่าผู้โพสต์จะมีจุดประสงค์อะไรก็ถือเป็นการกล่าวหา ทำให้ผู้อื่นหรือสังคมเข้าใจผิด ตนจะปรึกษาผู้รู้ทางกฎหมายเพื่อแจ้งความฟ้องร้องเอาผิดผู้โพสต์ข้อความกล่าวหาตนและหลาน และจะปิดบัญชีรับบริจาคเพื่อไม่ให้เกิดกระแสกระทบจิตใจหลาน อีกทั้งเงินที่ได้รับบริจาคก็เพียงพอกับค่าเล่าเรียนแล้ว พร้อมขอบคุณผู้ใจบุญที่มีเมตตาช่วยเหลือหลาน
ขอบคุณข้อมูลจาก : manager