วิธีง่ายๆในการดูแลรักษาแผลที่ริมฝีปาก
เลือดออกที่ริมฝีปากปาก เพราะอาการปากแตก เกิดจากการที่ปากอันแสนบอบบางไปกระแทกเข้าอย่างแรงกับของแข็งจนเกิดเป็นแผลเลือดออก เป็นอาการที่พบเห็นได้โดยทั่วไป โดยเฉพาะในวัยเด็ก เพราะเป็นวัยที่ยังไม่ค่อยมีความระมัดระวังตัวเอง เป็นวัยซน ชอบที่จะทำนั่นทำนี่ และชอบที่จะวิ่งไปนั่นทีมานี่ที อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นได้ง่าย วิธีการการรักษาแผลเลือดออกที่ริมฝีปากปาก หรืออาการปากแตกที่เกิดกับเด็ก บางคนคิดว่าไม่ต่างอะไรจากแผลที่ผิวหนังตามร่างกาย ใช้แอลกอฮอล์เช็ดฆ่าเชื้อแล้วทายาดำหรือยาแดงเพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น แต่จริงแล้วอาการปากแตกนั้นมีวิธีการรักษาแผลที่แตกต่างกัน เพราะยาทาที่ใช้ทารักษาแผลที่ผิวหนังของร่างกายหลายๆชนิดไม่สามารถใช้ได้กับแผลบริเวณปาก หากนำมาใช้จะเกิดอันตรายได้
แผลที่ริมฝีปาก…รักษาอย่างไร
การดูแลรักษาแผลที่ริมฝีปากนั้น ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนอย่างสูง เพราะผิวที่บริเวณริมฝีปากนั้นบอบบาง อีกทั้งต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มั่นใจได้ว่าไม่มีผลอะไรต่อร่างกาย หากเผลอรับประทานเข้าไป ฉะนั้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้รักษาแผลที่ผิวหนังตามร่างกายทั่วไปจึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ หากนำแอลกอฮอล์มาใช้ฆ่าเชื้อจะทำให้ริมฝีปากไหม้ เนื้อจะยุ่ย จนเกิดเป็นแผลติดเชื้อที่รุนแรง และหากจะใช้ยาดำหรือยาแดงเพื่อสมานแผล หากเผลอรับประทานเข้าไปจะเกิดอันตรายได้ ดังนั้นแล้ววิธีการดูแลรักษาแผลที่ริมฝีปากที่ดีนั้นควรใช้น้ำเกลือแทนแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งน้ำเกลือที่ใช้ไม่ใช่น้ำจากการผสมเกลือป่นกับน้ำ แต่คือน้ำเกลือที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไปสำหรับใช้ทางการแพทย์โดยเฉพาะ ให้นำสำลีชุบน้ำเกลือแล้วเช็ดเลือดที่อยู่บริเวณแผลออก โดยสรรพคุณของน้ำเกลือนี้จะไปฆ่าเชื้อโรคที่อยู่บริเวณแผลที่ริมฝีปากและช่วยทำความสะอาดบริเวณแผล คุณใช้น้ำเกลือเช็ดแผลที่ริมฝีปากวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็นหรือจนกว่าแผลจะหายสนิท แต่หากแผลที่ริมฝีปากมีขนาดใหญ่ คุณสามารถหาซื้อยาทำลายพิษ ซึ่งเป็นยาแผนโบราณ สำหรับรักษาแผลในปากมาทาแทนยาดำหรือยาแดงได้ แผลที่ริมฝีปากสามารถหายได้ภายใน 1 อาทิตย์ แต่คุณต้องดูแลแผลที่ริมฝีปากไม่ให้เกิดการติดเชื้อ เพราะจะทำให้แผลหายยากขึ้นกว่าเดิม
ขอบคุณข้อมูลจาก : todayhealth.org